กลาก เกลื้อน โรคผิวหนัง…ที่ใคร ๆ ก็เป็นได้ | พบหมอมหิดล [By Mahidol Channel]
Keywords searched by users: เกลื้อน ภาษาอังกฤษ: ความสำคัญและเคล็ดลับในการเรียนรู้ กลาก ภาษาอังกฤษ, กลากเกลื้อน, Tinea versicolor, เกลื้อน รักษา, Tinea versicolor รักษา, รูปภาพกลากเกลื้อน, เกลื่อน ภาษาอังกฤษ, Tinea versicolor คือ
รายละเอียดเกี่ยวกับเกลื้อน (Ringworm)
รายละเอียดเกี่ยวกับเกลื้อน (Ringworm)
กลาก (Ringworm) เป็นโรคติดเชื้อราที่สามารถพบได้บนผิวหนังและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคกลากเป็นเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ ซึ่งชอบเจริญอยู่เฉพาะในผิวหนังชั้นนอกสุด รวมทั้งเส้นผมและเล็บ [1].
อาการของโรคกลาก
- กลากที่หนังศีรษะ: อาการทั่วไปของกลากที่หนังศีรษะมักเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ทำให้หนังศีรษะตกสะเก็ด มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัส ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และคันหนังศีรษะ ในรายที่รุนแรงอาจมีตุ่มหนองเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ และผมร่วงจนศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ [2].
- กลากที่ร่างกายและผิวหนังทั่วไป: กลากที่ร่างกายและผิวหนังทั่วไปมักทำให้เกิดอาการคัน แดง ระคายเคืองรอบวงกลาก วงของกลากมักปรากฏเป็นขอบชัดเจนและแดงกว่าบริเวณผิวหนังปกติ แต่ตรงกลางของวงจะปรากฏในลักษณะผิวหนังสีปกติ ในกรณีที่รุนแรง กลากอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือรวมกันเป็นวงใหญ่ เป็นรอยนูนขึ้นมา คันภายใต้ผิวหนัง และอาจมีตุ่มพองหรือตุ่มหนองเกิดขึ้นรอบวง [2].
- กลากที่เท้า: กลากที่เท้าเป็นโรคทางผิวหนังที่พบได้บ่อย อาการที่พบได้รวมถึงการแห้ง คัน มีผื่นแดงเป็นแผ่นบริเวณง่ามนิ้ว หากรุนแรงอาจมีอาการผิวหนังแตกแห้ง เป็นตุ่มพอง เป็นขุยสะเก็ด ผิวหนังบวม แสบหรือเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ผิวหนัง และอรายละเอียดเกี่ยวกับเกลื้อน (Ringworm)
กลาก (Ringworm) เป็นโรคติดเชื้อราที่สามารถเกิดขึ้นบนผิวหนังได้ โรคนี้เกิดจากเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ที่ชอบเจริญอยู่ในผิวหนังชั้นนอกสุด รวมทั้งเส้นผมและเล็บ [1]. โรคกลากสามารถติดต่อได้ง่าย โดยการสัมผัสกับคนที่เป็นโรคหรือใช้ของร่วมกับคนที่เป็นโรค อาจติดมาจากร้านตัดผม ร้านเสริมสวย หรืออาจติดมาจากสัตว์เลี้ยงที่เป็นพาหะ [1].
อาการของโรคกลากสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย [2]:
- กลากที่หนรายละเอียดเกี่ยวกับเกลื้อน (Ringworm)
กลาก (Ringworm) เป็นโรคติดเชื้อราที่สามารถเกิดขึ้นบนผิวหนังได้ โรคนี้เกิดจากเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ที่ชอบเจริญอยู่บนผิวหนังชั้นนอกสุด รวมทั้งเส้นผมและเล็บ [1]. โรคกลากสามารถติดต่อได้ง่ายโดยการสัมผัสกับคนที่เป็นโรค หรือใช้ของร่วมกับคนที่เป็นโรค อีกทั้งยังสามารถติดมาจากสถานที่สาธารณะ เช่น ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย หรืออาจติดมาจากสัตว์เลี้ยงที่เป็นพาหะ [1].
อาการของโรคกลากสามารถแบ่งได้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย [2]:
- กลากที่หนังศีรษะ: อาการทั่วไปของกลากที่หนังศีรษะมักเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ทำให้หนังศีรษะตกสะเก็ด มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัส ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และคันหนังศีรษะ ในรายที่รุนแรงอาจมีตุ่มหนองเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ มีสะเก็ดแห้ง แล
Learn more:
สาเหตุของเกลื้อน
สาเหตุของเกลื้อน
เกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคติดเชื้อราที่ผิวหนังที่เกิดจากราชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามผิวหนัง โรคนี้มักเกิดขึ้นในลักษณะดวงเล็ก ๆ ที่อาจมีสีเข้มหรือสีอ่อนกว่าสีผิวปกติบริเวณรอบ [2]. โรคเกลื้อนสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย และมักถูกเข้าใจผิดว่าเกิดจากการไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น [2].
อาการของโรคเกลื้อน
- มีดวงขึ้นเป็นสีขาว ชมพู แดง หรือน้ำตาล โดยจะมีสีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวหนังปกติบริเวณรอบ [2].
- อาจขึ้นเป็นดวงเดียวหรือหลายดวงก็ได้ [2].
- สามารถเกิดบนร่างกายทุกส่วน แต่มักพบบริเวณลำตัว คอ ต้นแขน และหลัง [2].
- ดวงเกลื้อนอาจจางลงหรือหายไปเมื่อสภาพอากาศเย็น หรืออาการอาจแย่ลงหากอากาศร้อนหรือชื้น [2].
- อาจทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ด หรือคัน [2].
- บางคนที่เป็นเกลื้อน ผิวหนังอาจไม่ได้แสดงการเปลี่ยนแปลงลักษณะหรือสีอย่างเห็นได้ชัด [2].
สาเหตุของโรคเกลื้อน
เกลื้อนเกิดจากเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) ที่อยู่ตามผิวหนัง โดยปกติผิวของคนเราส่วนใหญ่จะมีเชื้อราชนิดนี้อยู่แล้ว แต่จะส่งผลให้ติดเชื้อก็ต่อเมื่อมีมากกว่าปกติ [2]. สาเหตุที่ทำให้เชื้อรานี้เติบโตขึ้นก็ยังไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่ามีปัจจัยที่เป็นตัวเร่งได้แก่ [2]:
- อากาศร้อนและชื้น
- ผิวมัน
สาเหตุของเกลื้อน
เกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคติดเชื้อราที่ผิวหนังที่เกิดจากราชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามผิวหนัง โรคนี้มักเกิดขึ้นในลักษณะดวงเล็ก ๆ ที่อาจมีสีเข้มหรือสีอ่อนกว่าสีผิวปกติบริเวณรอบ [2]. โรคเกลื้อนสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย และมักถูกเข้าใจผิดว่าเกิดจากการไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น [2].
อาการของโรคเกลื้อน
- มีดวงขึ้นเป็นสีขาว ชมพู แดง หรือน้ำตาล โดยจะมีสีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวหนังปกติบริเวณรอบ [2].
- อาจขึ้นเป็นดวงเดียวหรือหลายดวงก็ได้ [2].
- สามารถเกิดบนร่างกายทุกส่วน แต่มักพบบริเวณลำตัว คอ ต้นแขน และหลัง [2].
- ดวงเกลื้อนอาจจางลงหรือหายไปเมื่อสภาพอากาศเย็น หรืออาการอาจแย่ลงหากอากาศร้อนหรือชื้น [2].
- อาจทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ด หรือคัน [2].
- บางคนที่เป็นเกลื้อน ผิวหนังอาจไม่ได้แสดงการเปลี่ยนแปลงลักษณะหรือสีอย่างเห็นได้ชัด [2].
สาเหตุของโรคเกลื้อน
เกลื้อนเกิดจากเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) ที่อยู่ตามผิวหนัง โดยปกติผิวของคนเราส่วนใหญ่จะมีเชื้อราชนิดนี้อยู่แล้ว แต่จะส่งผลให้ติดเชื้อก็ต่อเมื่อมีมากกว่าปกติ [2]. สาเหตุที่ทำให้เชื้อรานี้เติบโตขึ้นก็ยังไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่ามีปัจจัยที่เป็นตัวเร่งได้แก่ [2]:
- อากาศร้อนและชื้น
- ผิวมัน
Learn more:
อาการของเกลื้อน
อาการของเกลื้อน (Tinea Versicolor) คืออะไร?
เกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคติดเชื้อราที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง โดยเกลื้อนเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Malassezia furfur หรือ Malassezia globosa [1]. เชื้อราเหล่านี้อาศัยอยู่บนผิวหนังของคนทั่วไป แต่จะเริ่มทำให้เกิดอาการเกลื้อนเมื่อมีปัจจัยบางอย่างที่กระตุ้นให้เชื้อราเติบโตมากขึ้น [1].
อาการของเกลื้อน
- เกลื้อนจะปรากฏเป็นดวงเล็กๆ ที่อาจมีสีขาว ชมพู แดง หรือน้ำตาล โดยจะมีสีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวหนังปกติบริเวณรอบ [1].
- อาจขึ้นเป็นดวงเดียวหรือหลายดวงก็ได้ [1].
- เกลื้อนสามารถเกิดบนร่างกายทุกส่วน แต่มักพบบริเวณลำตัว คอ ต้นแขน และหลัง [1].
- ดวงเกลื้อนอาจจางลงหรือหายไปเมื่อสภาพอากาศเย็น หรืออาการอาจแย่ลงหากอากาศร้อนหรือชื้น [1].
- อาจทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ด หรือคัน [1].
- บางคนที่เป็นเกลื้อน ผิวหนังอาจไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงลักษณะหรือสีอย่างเห็นได้ชัด [1].
สาเหตุของเกลื้อน
เกลื้อนเกิดจากเชื้อราชนิด Malassezia furfur หรือ Malassezia globosa ที่อยู่บนผิวหนัง [1]. โดยปกติแล้ว เชื้อราเหล่านี้อาศัยอยู่บนผิวหนังของคนทั่วไป แต่จะเริ่มทำให้เกิดอาการเกลื้อนเมื่อมีปัจจัยบางอย่างที่กระตุ้นให้เชื้อราเติบโตมากขึ้น [1].
ปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้เกิดเกลื้อนได้แก่:
- อากาศร้อนและชื้น [1].
- ผิวมัน [1].
- มีเหงื่อออกมากเกินไป [1].
- ระบบภูมิคุ้มอาการของเกลื้อน (Tinea Versicolor) คืออะไร?
เกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคติดเชื้อราที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง โดยมีสาเหตุมาจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Malassezia. เชื้อรานี้อยู่บนผิวหนังของคนทั่วไปอยู่เสมอ แต่จะเกิดการติดเชื้อเมื่อมีสภาวะที่เหมาะสม เช่น อากาศร้อนและชื้น ผิวมัน มีเหงื่อออกมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรืออยู่ในช่วงวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น [2].
อาการของเกลื้อน
- ดวงเกลื้อนที่เป็นผลจากเชื้อรา Malassezia จะปรากฏเป็นดวงเล็กๆ ที่อาจมีสีขาว ชมพู แดง หรือน้ำตาล โดยจะมีสีเข้มหรืออ่อนกว่าผิวหนังปกติบริเวณรอบ [1].
- อาจขึ้นเป็นดวงเดียวหรือหลายดวงก็ได้ [1].
- สามารถเกิดบนร่างกายทุกส่วน แต่มักพบบริเวณลำตัว คอ ต้นแขน และหลัง [1].
- ดวงเกลื้อนอาจจางลงหรือหายไปเมื่อสภาพอากาศเย็น หรืออาการอาจแย่ลงหากอากาศร้อนหรือชื้น [1].
- อาจทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ด หรือคัน [1].
- บางคนที่เป็นเกลื้อน ผิวหนังอาจไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงลักษณะหรือสีอย่างเห็นได้ชัด [1].
วิธีการวินิจฉัยเกลื้อน
- การวินิจฉัยโรคเกลื้อนสามารถทำได้โดยการสังเกตลักษณะของดวงเกลื้อนด้วยตาเปล่า หรืออาจใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตส่องวินิจฉัย โดยหากเป็นการติดเชื้อจากเชื้อรา Malassezia จะส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นเรืองแสงขึ้น [1].
- ในกรณีที่การสังเกตลักษณะเกลื้อนไม่อาจวินิจฉัยได้ช
Learn more:
วิธีการวินิจฉัยเกลื้อน
โรคเกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อราชนิดหนึ่งที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Malassezia furfur หรือ Malassezia globosa [1]. โรคนี้มักพบบ่อยที่บริเวณผิวหนังบริเวณหน้าอก หลัง และใบหน้า โดยส่วนใหญ่จะไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงและไม่ต้องรักษา แต่อาจกลายเป็นเรื้อรังและกลับมาเกิดซ้ำได้ [1].
วิธีการวินิจฉัยโรคเกลื้อน:
- การสังเกตลักษณะของดวงเกลื้อน: สามารถวินิจฉัยโรคเกลื้อนได้ด้วยการสังเกตลักษณะของดวงเกลื้อนบนผิวหนัง [1].
- การใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตส่องวินิจฉัย: แพทย์อาจใช้เทคนิคการใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตส่องวินิจฉัยเพื่อตรวจสอบการติดเชื้อรา Malassezia furfur บนผิวหนัง [1].
การรักษาโรคเกลื้อน:
- การรักษาอาจไม่จำเป็น: โรคเกลื้อนสามารถหายเองโดยไม่ต้องรักษา แต่อาจกลับมาเกิดซ้ำได้ [1].
- การป้องกันการรักษา: เพื่อป้องกันการเกิดโรคเกลื้อนซ้ำ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้:
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพผิวหนัง เช่น การใส่เสื้อผ้าอับชื้น หรือการออกกำลังกายที่ทำให้มีเหงื่อออกมามาก [3].
- รักษาความสะอาดของผิวหนัง: ควรทำความสะอาดผิวหนังอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการสะสมของเชื้อราบนผิวหนัง [3].
- การใช้ยาทา: หากมีอาการรุนแรงหรือต้องการรักษาอาการเกลื้อน แพทย์อาจสั่งให้ใช้ยาทาที่มีส่วนผสมเป็นยาฆ่าเชื้อราบนผิวหนัง เช่น โซเโรคเกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อราชนิดหนึ่งที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Malassezia furfur หรือ Malassezia globosa [1]. โรคนี้มักพบบ่อยที่บริเวณผิวหนังบริเวณหน้าอก หลัง และใบหน้า โดยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการรุนแรงและไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายมากนัก [1].
วิธีการวินิจฉัยโรคเกลื้อน:
- การสังเกตลักษณะของดวงเกลื้อน: สามารถวินิจฉัยโรคเกลื้อนได้โดยการสังเกตลักษณะของดวงเกลื้อนบนผิวหนัง [1].
- การใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตส่องวินิจฉัย: แพทย์อาจใช้เทคนิคการใช้แสงอัลตร้าไวโอเล็ตส่องวินิจฉัยเพื่อตรวจสอบการติดเชื้อรา Malassezia furfur บนผิวหนัง [1].
การรักษาโรคเกลื้อน:
- การรักษาอาจไม่จำเป็น: โรคเกลื้อนสามารถหายเองโดยไม่ต้องรักษา และไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรง [1].
- การป้องกันการกลับมาเกิดของโรค: หลังจากการรักษาแล้ว ควรปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อป้องกันการกลับมาเกิดของโรค เช่น การรักษาผิวหนังให้แห้งและไม่ชื้นอับชื้น การเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดและแห้งทุกวัน และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการดูแลผิวหนัง [1].
Learn more:
การรักษาและการป้องกันเกลื้อน
การรักษาและการป้องกันเกลื้อน
เกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่มในยีสต์ชนิดหนึ่ง โรคนี้มักจะไม่ค่อยมีอาการแสดงออกมาเป็นอย่างชัดเจน แต่อาจเป็นเรื้อรังและพบได้ทั่วไปในผิวคนปกติ โดยพบมากในบริเวณหน้าอก หลัง และใบหน้า [1].
อาการของโรคเกลื้อนจะเป็นผื่นราบสีขาวเป็นขุย อาจมีหลายสี เช่น สีดำหรือน้ำตาลแดง โรคสามารถหายเองโดยไม่ต้องรักษา แต่สำหรับบางคนที่ต้องการรักษาหรือป้องกันการกลับมาของโรคเกลื้อน สามารถทำได้ดังนี้ [2]:
วิธีการรักษาเกลื้อน:
- ใช้ยาทา: สามารถใช้ยาทาที่มีส่วนผสมเป็นโซเดียมไทโอซัลเฟต 20% หรือยาทาอื่นที่ช่วยให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่มีเชื้อราหลุดออกไป เช่น ขี้ผึ้งวิดฟิลล์ ใช้ยาทาตามคำแนะนำแพทย์และทาตามความจำเป็น แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์เพื่อป้องกันการใช้ยาเกินขนาดหรือเกินระยะเวลาที่กำหนด [2].
วิธีการป้องกันเกลื้อน:
- รักษาความสะอาดของร่างกาย: ควรทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอโดยอาบน้ำหรืออาบอบแดด และรักษาความสะอาดของผิวหนังให้ดี [3].
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ผิวหนังชื้น: หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าอับชื้นหรือใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมามากๆ [3].
- ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยที่เป็นเกลื้อน: เกลื้อนเป็นโรคทการรักษาและการป้องกันเกลื้อน
เกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่มในยีสต์ชนิดหนึ่ง โรคนี้มักจะไม่ค่อยมีอาการแสดงออกมาเป็นอย่างชัดเจน แต่อาจเป็นเรื้อรังและพบได้ทั่วไปในผิวคนปกติ โดยพบมากในบริเวณหน้าอก หลัง และใบหน้า [1].
อาการของโรคเกลื้อนจะเป็นผื่นราบ สีขาว เป็นขุย อาจมีหลายสี เช่น สีดำ หรือน้ำตาลแดง อาการจะเป็นมากเมื่อมีเหตุชักนำหรือส่งเสริมเชื้อที่มีอยู่ในธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป เช่น ผิวหนังมัน เหงื่อออกมาก การใส่เสื้อผ้าอับชื้น หรือไปเล่นกีฬา [2].
วิธีการรักษาเกลื้อนมีดังนี้:
-
การใช้ยาทา: สามารถใช้ยาทาเพื่อรักษาเกลื้อนได้ เช่น 20% โซเดียมไทโอซัลเฟต หรือยาทาอื่นที่ทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่มีเชื้อราหลุดออกไป เช่น ขี้ผึ้งวิดฟิลล์ [2].
-
การใช้ยาทาเสริม: สามารถใช้แชมพูเซลซันฟอกเพื่อรักษาเกลื้อนได้ โดยให้ทาตัวเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และควรทาซ้ำประมาณ 1-2 ครั้งทุกเดือนเพื่อป้องกัน [2].
-
การรับประทานยา: แพทย์อาจสั่งให้รับประทานยาเพื่อรักษาและป้องกันเกลื้อน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและรับประทานตามคำสั่งแพทย์ [2].
วิธีป้องกันโรคเกลื้อน:
- รักษาความสะอาดของร่างกายและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ [3].
- ทำความสะอาดสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันให้สะอาด [3].
- หลีกเลี่ยงการ
Learn more:
คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกลื้อน
คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกลื้อน
เกลื้อนเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อราบนผิวหนัง โดยเฉพาะเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophytes) [2] โรคเกลื้อนสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสกับคนที่เป็นโรคนี้ หรือผ่านการใช้ของใช้ของคนที่เป็นโรคนี้ [2]. นอกจากนี้ยังสามารถติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัขและแมวได้เช่นกัน [2]. โรคเกลื้อนสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่จะพบบ่อยในเด็ก คนที่มีเหงื่อออกมาก หรือผิวหนังอับชื้นง่ายมากกว่ากลุ่มอื่น [2].
สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกลื้อน สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:
-
รักษาความสะอาดของผิวหนัง: ควรทำความสะอาดผิวหนังอย่างสม่ำเสมอโดยใช้น้ำสบู่เชื้อราหรือน้ำสบู่ที่มีส่วนผสมต้านเชื้อรา [1]. อย่าลืมล้างผมและเล็บอย่างสะอาดเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ.
-
หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคเกลื้อน: หากมีคนในครอบครัวหรือในสภาพแวดล้อมที่เป็นโรคเกลื้อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ร่วม เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า หรือเครื่องสำอาง เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ [1].
-
สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้: ควรเลือกสวมเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ เช่น เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าฝ้ายผสมฝ้าย เพื่อลดความชื้นและระบายอากาศในบริเวณที่ติดเชื้อ [1].
-
หลีกเลี่ยงการใช้เสื้อผ้าและของใช้ที่ชคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกลื้อน
เกลื้อนเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อราบนผิวหนัง โดยเฉพาะเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophytes) [2] โรคเกลื้อนสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสกับคนที่เป็นโรคนี้ หรือผ่านการใช้ของใช้ของคนที่เป็นโรคนี้ [2]. สัตว์เลี้ยงในบ้านเช่นสุนัขและแมวก็อาจเป็นแหล่งติดเชื้อของโรคเกลื้อน [2]. โรคเกลื้อนสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่พบบ่อยที่เด็กและคนที่มีเหงื่อออกมากหรือผิวหนังอับชื้นง่าย [2].
นอกจากการรักษาโรคเกลื้อนด้วยยาที่แพทย์สั่งให้ใช้แล้ว ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมที่สามารถช่วยในการรักษาและป้องกันโรคเกลื้อนได้ดังนี้:
-
รักษาความสะอาด: ควรรักษาความสะอาดของผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ เช่น อาบน้ำทุกวัน และรักษาความสะอาดของเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และที่นอน [1].
-
หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคเกลื้อน: หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคเกลื้อน เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือ แปรงสีฟัน หรือเครื่องสำอาง [1].
-
รักษาผิวหนังให้แห้งและไม่ชื้น: โรคเกลื้อนมักเกิดบนผิวหนังที่ชื้น ดังนั้นควรรักษาผิวหนังให้แห้งและไม่ชื้นโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ผงแป้งหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการรักษาผิวหนัง [1].
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้ผิวหนังชิ
Learn more:
Categories: สำรวจ 11 เกลื้อน ภาษาอังกฤษ
3. Pityriasis versicolor or Tinea versicolor (โรคเกลื้อน)ความหมาย กลาก (Ringworm) กลาก (Ringworm) เป็นโรคติดเชื้อราบนผิวหนังที่ปรากฏเป็นวงแดงหรือขุยสีขาว และอาจมีอาการอักเสบคล้ายผื่นแดงร่วมด้วยได้ กลากสามารถขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ตั้งแต่หนังศีรษะ ใบหน้า มือ เท้า เล็บ และขาหนีบเกลื้อน (Tinea Versicolor) เป็นโรคติดเชื้อราที่ผิวหนังทั่วไปชนิดหนึ่ง เกิดจากราที่อาศัยอยู่ตามผิวหนัง ปรากฏในลักษณะเป็นดวงเล็ก ๆ ที่อาจมีสีเข้มหรือสีอ่อนกว่าสีผิวปกติบริเวณรอบ โดยมักเกิดขึ้นที่ลำตัวหรือต้นแขน และหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาก็จะสามารถรวมตัวกันและขยายเป็นดวงใหญ่ขึ้น
See more: https://kidsgarden.com.vn/category/video/
Ring Worm คืออะไร
กลาก (Ringworm) คืออะไร?
กลาก (Ringworm) เป็นโรคติดเชื้อราที่เกิดบนผิวหนัง โดยมักจะปรากฏเป็นวงแดงหรือขุยสีขาว และอาจมีอาการอักเสบคล้ายผื่นแดงร่วมด้วย [1]. โรคกลากสามารถเกิดขึ้นได้ที่หลายส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หนังศีรษะ, ใบหน้า, มือ, เท้า, เล็บ และขาหนีบ [1].
อาการของโรคกลาก
กลากที่หนังศีรษะ:
- หนังศีรษะมักจะมีอาการหนังตกสะเก็ดเป็นจุดเล็กๆ ทำให้เกิดอาการเจ็บเมื่อสัมผัส ผมร่วงเป็นหย่อมๆ และคันหนังศีรษะ [1].
- ในรายที่รุนแรงอาจมีตุ่มหนองเล็กๆ บนหนังศีรษะ มีสะเก็ดแห้ง และผมร่วงจนศีรษะล้านเป็นหย่อมๆ [1].
กลากที่ร่างกายและผิวหนังทั่วไป:
- กลากที่ร่างกายอาจทำให้เกิดอาการคัน แดง ระคายเคืองรอบวงกลาก วงของกลากมักปรากฏเป็นขอบชัดเจนและแดงกว่าบริเวณผิวหนังปกติ แต่ตรงกลางของวงจะปรากฏในลักษณะผิวหนังสีปกติ ในกรณีที่รุนแรง กลากอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือรวมกันเป็นวงใหญ่ เป็นรอยนูนขึ้นมา คันภายใต้ผิวหนัง และอาจมีตุ่มพองหรือตุ่มหนองเกิดขึ้นรอบวง [1].
กลากที่เท้า (เชื้อราที่เท้า):
- การติดเชื้อราที่เท้าอาจทำให้เกิดอาการแห้ง คัน มีผื่นแดงเป็นแผ่นบริเวณง่ามนิ้ว โดยเฉพาะนิ้วนางและนิ้วก้อย หากรุนแรงอาจมีอาการผิวหนังแตกแห้ง เป็นตุ่มพอง เป็นขุยสะเก็ด ผิวหนังบวม แสบหรือเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ผิวหนัง และอาจมีผกลาก (Ringworm) คืออะไร?
กลาก (Ringworm) เป็นโรคติดเชื้อราบนผิวหนังที่ปรากฏเป็นวงแดงหรือขุยสีขาว และอาจมีอาการอักเสบคล้ายผื่นแดงร่วมด้วยได้ [1]. โรคกลากสามารถขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น หนังศีรษะ, ใบหน้า, มือ, เท้า, เล็บ และขาหนีบ [1].
อาการของโรคกลาก:
- กลากที่หนังศีรษะ: อาจทำให้หนังศีรษะตกสะเก็ดเป็นจุดเล็ก ๆ, ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ, คันหนังศีรษะ และอาจมีตุ่มหนองเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ [1].
- กลากที่ร่างกายและผิวหนังทั่วไป: อาจมีอาการคัน, แดง, ระคายเคืองรอบวงกลาก วงของกลากมักปรากฏเป็นขอบชัดเจนและแดงกว่าบริเวณผิวหนังปกติ แต่ตรงกลางของวงจะปรากฏในลักษณะผิวหนังสีปกติ ในกรณีที่รุนแรง กลากอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือรวมกันเป็นวงใหญ่ เป็นรอยนูนขึ้นมา คันภายใต้ผิวหนัง และอาจมีตุ่มพองหรือตุ่มหนองเกิดขึ้นรอบวง [1].
- กลากที่เท้า (เชื้อราที่เท้า): อาจทำให้เกิดอาการแห้ง, คัน, มีผื่นแดงเป็นแผ่นบริเวณง่ามนิ้ว โดยเฉพาะนิ้วนางและนิ้วก้อย หากรุนแรงอาจมีอาการผิวหนังแตกแห้ง, เป็นตุ่มพอง, เป็นขุยสะเก็ด, ผิวหนังบวม, แสบหรือเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ผิวหนัง และอาจมีผิวหนังแห้งเป็นขุยรอบ ๆ ฝ่าเท้า ง่ามนิ้ว และด้านข้างของเท้า [1].
- กลากบริเวณขาหนีบหรือโรคสังคัง: อาจมีอาการเจ็บ, เกิดตุ่มพองหรือเป็นตุ่มหนองรอบ
Learn more:
See more here: kidsgarden.com.vn
สารบัญ
สาเหตุของเกลื้อน
อาการของเกลื้อน
วิธีการวินิจฉัยเกลื้อน
การรักษาและการป้องกันเกลื้อน
คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกลื้อน