อาหารหลัก5หมู่(หมู่ที่5ไขมัน)ภาษาอังกฤษง่ายๆสไตล์ศน.วีระวรรณ
Keywords searched by users: ไขมัน ภาษาอังกฤษ: ความหมายและสาระสำคัญในการเรียนรู้ ไขมันในร่างกาย ภาษาอังกฤษ, โรคไขมัน ภาษาอังกฤษ, คอเลสเตอรอล ภาษาอังกฤษ, ไขมัน ภาษาจีน, ก้อนไขมัน ภาษาอังกฤษ, อาหารไขมัน ภาษาอังกฤษ, ไขมันสูง ภาษาอังกฤษ, ลดไขมัน ภาษาอังกฤษ
ความหมายของไขมันในภาษาอังกฤษ
ความหมายของไขมันในภาษาอังกฤษ
ไขมัน (fat) เป็นคำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ใช้ในบริบททางวิทยาศาสตร์และการแพทย์เพื่ออธิบายสารประกอบอินทรีย์ที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งสามารถพบได้ทั้งในสัตว์และพืช [1]. ไขมันมีลักษณะเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีความหนืดและหนา โดยมักจะเป็นสารประกอบหลักในการสะสมพลังงานในร่างกายของสัตว์และมนุษย์ [1].
ความหมายของไขมันในภาษาอังกฤษยังมีความหมายเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและโรคต่าง ๆ ดังนี้:
-
ไขมันที่ตกค้างในร่างกาย (Body fat): เป็นไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการบริโภคพลังงานเกินไป หรือการรับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง [1].
-
ไขมันในเลือด (Blood fat): เป็นไขมันที่พบในเลือด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นส่วนย่อยได้สองประเภทคือไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) และคอเลสเตอรอล (cholesterol) [1].
-
ไขมันส่วนเกิน (Excess fat): เป็นไขมันที่มีปริมาณเกินความจำเป็นในร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลย์ และขาดการออกกำลังกาย [1].
การรับประทานไขมันในปริมาณที่เหมาะสมสำคัญต่อสุขภาพของร่างกาย เนื่องจากไขมันเป็นแหล่งพลังงานสำคัญและมีบทบาทในการสร้างสารประกอบอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน และสารประกอบของเซลล์ [1]. อย่างไรก็ตาม การรับประทานไขมันในปริมาณที่เกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เชความหมายของไขมันในภาษาอังกฤษ
ไขมัน (fat) เป็นคำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ใช้ในบริบทต่าง ๆ เพื่ออธิบายสารประกอบอินทรีย์ที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งสามารถพบได้ทั้งในสัตว์และพืช [1]. ไขมันมีหลายประเภทและมีหน้าที่หลากหลายในร่างกายของเรา [1]. ดังนั้นเรามาดูความหมายและหน้าที่ของไขมันในภาษาอังกฤษกันเถอะครับ.
ความหมายของไขมันในภาษาอังกฤษ
- ไขมัน (fat): ในคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไขมันหมายถึงสารประกอบอินทรีย์ที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งสามารถพบได้ทั้งในสัตว์และพืช [1].
หน้าที่ของไขมันในร่างกาย
-
การเก็บสะสมพลังงาน: ไขมันเป็นแหล่งพลังงานสำหรับร่างกาย โดยเมื่อเราทานอาหารมากเกินไป ร่างกายจะเก็บไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงานในอนาคต [1].
-
การสร้างฮอร์โมน: ไขมันเป็นสารสำคัญในการสร้างฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนเพศ และฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต [1].
-
การปกป้องอวัยวะภายใน: ไขมันมีบทบาทในการปกป้องอวัยวะภายใน เช่น ไขมันที่อยู่รอบไต จะช่วยปกป้องไตจากการกระทบกระเทือน [1].
-
การช่วยในการดูแลผิวพรรณ: ไขมันมีบทบาทในการรักษาความชุ่มชื่นให้กับผิวพรรณ และช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื่นของผิว [1].
Learn more:
สารประกอบและคุณสมบัติของไขมัน
สารประกอบและคุณสมบัติของไขมัน
ไขมันเป็นสารประกอบที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกายของเรา มันเป็นแหล่งพลังงานสูงและมีหน้าที่สำคัญในการสร้างสารอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น กรดไขมันจำเป็น กรดไลโนเลิก และวิตามินบางชนิด [1].
คุณสมบัติของไขมัน:
- ไขมันเป็นแหล่งพลังงานสูง: ไขมันมีปริมาณพลังงานสูงกว่าปริมาณพลังงานในโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต 1กรัมของไขมันมีปริมาณพลังงานประมาณ 9 กิโลแคลอรี่ [1].
- ไขมันช่วยในการดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้น: วิตามินบางชนิดเป็นไขมันละลายได้ ดังนั้นการบริโภคไขมันพอสมควรจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเหล่านี้ได้ดีขึ้น [1].
- ไขมันเป็นส่วนประกอบของเซลล์: ไขมันเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์ในร่างกาย เช่น เซลล์ประสาท และเซลล์กล้ามเนื้อ [1].
- ไขมันช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง: ไขมันช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง และป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น [1].
- ไขมันเป็นสารตั้งต้นในการผลิต prostaglandin: prostaglandin เป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานของร่างกาย เช่น การควบคุมการเผาผลาญคอเลสเตอรอล และการควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน [1].
Learn more:
ประเภทของไขมันในภาษาอังกฤษ
ประเภทของไขมันในภาษาอังกฤษ (Types of Fats in English)
ไขมันเป็นสารประกอบที่สำคัญในอาหารของเรา แต่ไม่ใช่ทุกประเภทของไขมันเป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพของร่างกาย เราควรรู้จักประเภทของไขมันที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะเคมีและผลกระทบต่อร่างกายได้ดังนี้:
-
ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fats)
- ไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันที่มีโครงสร้างเคมีที่เต็มเปี่ยมด้วยกรดไขมันต่างๆ และไม่มีการเชื่อมโยงคู่ของโมเลกุลไขมัน
- อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงรวมถึงเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อหมูที่มีไขมันส่วนสูง น้ำมันปลา เนยเหลว และชั้นไขมันวาฬ [1]
-
ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated Fats)
- ไขมันไม่อิ่มตัวเป็นไขมันที่มีโครงสร้างเคมีที่มีการเชื่อมโยงคู่ของโมเลกุลไขมัน
- ไขมันไม่อิ่มตัวแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่:
- ไขมันซิส (Monounsaturated Fats): ไขมันซิสคือไขมันที่มีโครงสร้างเคมีที่มีการเชื่อมโยงคู่ของโมเลกุลไขมันเพียงคู่เดียว อาหารที่มีไขมันซิสสูงรวมถึงน้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันถั่วลิสง [1]
- ไขมันพอลิอันส์ (Polyunsaturated Fats): ไขมันพอลิอันส์คือไขมันที่มีโครงสร้างเคมีที่มีการเชื่อมโยงคู่ของโมเลกุลไขมันมากกว่าคู่เดียว อาหารที่มีไขมันพอลิอันส์สูงรวมถึงน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันงา และน้ำมันมะเขือเทศ [1]
-
ไขมันทรานส์ (Trans Fats)
- ไขมันทรานส์เป็นไขมันที่เกิดจากกระบวนการไประเภทของไขมันในภาษาอังกฤษ (Types of Fats in English)
ไขมันเป็นสารประกอบที่สำคัญในอาหารของเรา แต่ไม่ใช่ทุกประเภทของไขมันเป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพของร่างกาย เราควรรู้จักประเภทของไขมันที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะสามารถเลือกบริโภคไขมันที่เหมาะสมและมีประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง
นี่คือประเภทของไขมันที่สำคัญที่ควรรู้ในภาษาอังกฤษ:
-
ไขมันอิ่มตัว (Saturated fats): ไขมันอิ่มตัวเป็นประเภทของไขมันที่มีโครงสร้างที่เต็มเปี่ยมด้วยอะตอมไฮโดรเจน และไม่มีการเชื่อมโยงคู่ของโมเลกุลไขมัน ไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่พบในอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง น้ำมันปลา น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม [1]
-
ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fats): ไขมันไม่อิ่มตัวเป็นประเภทของไขมันที่มีโครงสร้างที่มีการเชื่อมโยงคู่ของโมเลกุลไขมัน ไขมันไม่อิ่มตัวสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ ไขมันไม่อิ่มตัวแบบไม่เคลื่อนที่ (Monounsaturated fats) และ ไขมันไม่อิ่มตัวแบบหลายไม่เคลื่อนที่ (Polyunsaturated fats) [1]
-
ไขมันไม่อิ่มตัวแบบไม่เคลื่อนที่ (Monounsaturated fats): ไขมันไม่อิ่มตัวแบบไม่เคลื่อนที่พบได้ในอาหารที่มาจากพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมันสำปะหลัง และน้ำมันมันอบเช่น น้ำมันมันอบข้าวโพด [1]
-
ไขมันไม่อิ่มตัวแบบหลายไม่เคลื่อนที่ (Polyunsaturated fats): ไขมันไม่อิ่มตัวแบบหลายไม่เคลื่อนที่สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ ไขมันไม่อิ่มตัวแบบอิ่มตัว (Omega-3 fatty acids
-
Learn more:
ผลกระทบของไขมันต่อสุขภาพ
ผลกระทบของไขมันต่อสุขภาพ
ไขมันเป็นสารอาหารที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของร่างกายเป็นอย่างมาก การรับประทานไขมันในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดี แต่การรับประทานไขมันเกินไปหรือรับประทานไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกายอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคและปัญหาสุขภาพต่างๆได้ ดังนั้น เราควรรับประทานไขมันให้เหมาะสมและเลือกไขมันที่ดีต่อสุขภาพอย่างถูกต้อง
ประโยชน์ของไขมันต่อสุขภาพ
- ไขมันเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในร่างกาย [1]
- ช่วยในการดูดซึมวิตามินได้อย่างมีประสิทธิภาพ [1]
- ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและสามารถทำงานได้ตามปกติ [1]
- เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนและช่วยในกระบวนการเติบโตของร่างกาย [1]
- ช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท [1]
ชนิดของไขมัน
-
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat)
-
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated fat)
- ไขมันชนิดนี้เป็นไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง [1]
- มีผลกระทบของไขมันต่อสุขภาพ
ไขมันเป็นสารอาหารที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของร่างกายเป็นอย่างมาก การรับประทานไขมันในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดี แต่การรับประทานไขมันเกินไปหรือรับประทานไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกายอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ดังนั้นควรรับประทานไขมันให้เหมาะสมและคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน
ประโยชน์ของไขมันต่อสุขภาพ
- ไขมันเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในร่างกาย [1]
- ช่วยในการดูดซึมวิตามินบางชนิด เช่นวิตามินอีและวิตามินเอ [1]
- ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและรักษาอุณหภูมิตัวในระดับที่เหมาะสม [1]
- เป็นส่วนประกอบของเซลล์และสารประกอบสำคัญอื่นๆในร่างกาย [1]
- ช่วยในการสร้างฮอร์โมนและสารเคมีที่จำเป็นต่อร่างกาย [1]
ชนิดของไขมัน
-
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat)
-
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated fat)
Learn more:
วิธีการควบคุมระดับไขมันในร่างกาย
วิธีการควบคุมระดับไขมันในร่างกาย
การควบคุมระดับไขมันในร่างกายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับไขมันสูง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ดังนั้น เราควรมีการดูแลระดับไขมันในร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้:
-
รับประทานอาหารที่มีไขมันเป็นประโยชน์:
- ไขมันไม่อิ่มตัวสูง (unsaturated fats) เช่น น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะเขือเทศ, น้ำมันถั่วเหลือง, และน้ำมันมะกอกอินทรีย์
- ปลาที่มีไขมันอิ่มตัวสูง (omega-3 fatty acids) เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลาซาร์ดีน, และปลาปิรานา
- ผลไม้และผักที่มีใยอาหารสูง เช่น แอปเปิ้ล, ส้ม, กล้วย, สาหร่าย, และผักบุ้ง
-
ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันไม่ดี:
- ไขมันอิ่มตัวสูง (saturated fats) เช่น หมู, เนื้อวัว, ไก่, ไข่เจียว, นมเต็มไขมัน, และเนย
- อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง, เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง, และอาหารที่ใช้น้ำมันมาก เช่น เบคอน, ไส้กรอก, แฮม, และอาหารที่ทอด
-
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ:
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว, วิ่ง, ว่ายน้ำ, หรือเล่นกีฬาต่างๆ
- เลือกกิจกรรมที่ชอบและเหมาะสมกับร่างกาย เพื่อให้สามารถรักษาการออกกำลังกายได้ในระยะยาว
-
ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต:
- ลดการบริโภคอาวิธีการควบคุมระดับไขมันในร่างกาย
การควบคุมระดับไขมันในร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยรักษาน้ำหนักที่เหมาะสมและส่งเสริมสุขภาพที่ดีอีกด้วย ดังนั้นเราควรปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมระดับไขมันในร่างกายต่อไปนี้:
-
รับประทานอาหารที่มีไขมันเหมาะสม:
- เลือกอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมันสำหรับทอด และอาหารที่มีไขมันที่ดีต่อร่างกาย เช่น ปลาที่มีไขมันอิ่มตัวไม่สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาซาร์ดีน
- ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อหมู หมูกรอบ และเบคอน
- เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว และผลไม้สด เพื่อเพิ่มความอิ่มตัวและส่งเสริมกระบวนการย่อยไขมันในร่างกาย
-
ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง:
- ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ขนมหวาน เค้ก ขนมปังขาว และอาหารที่มีน้ำตาลที่เพิ่มเติม เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลเพิ่ม เพื่อลดการสะสมไขมันในร่างกาย
-
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ:
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาต่างๆ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมันในร่างกาย
-
ลดการบริโภคแอล
Learn more:
ตัวอย่างประโยคที่ใช้คำว่า ไขมัน ในประโยคภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างประโยคที่ใช้คำว่า ไขมัน ในประโยคภาษาอังกฤษ:
-
I try to avoid foods high in saturated fats. [1]
(ฉันพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง) -
Olive oil is a healthier alternative to butter and other solid fats. [1]
(น้ำมันมะกอกเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเนยและไขมันแข็งอื่น ๆ) -
Regular exercise can help reduce body fat and improve overall health. [1]
(การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยลดไขมันในร่างกายและปรับปรุงสุขภาพทั่วไป) -
Trans fats are known to increase the risk of heart disease. [1]
(ไขมันทรานส์เป็นที่รู้จักว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ) -
A diet high in saturated fats can lead to weight gain and health problems. [1]
(การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงอาจทำให้เกิดน้ำหนักเพิ่มและเกิดปัญหาด้านสุขภาพ)
Learn more:
Categories: สรุป 40 ไขมัน ภาษาอังกฤษ

fat. (n) ไขมัน, See also: ไข, Syn. grease, oil, lipid.
See more: blog https://kidsgarden.com.vn/category/video
ไขมันในร่างกาย ภาษาอังกฤษ
ไขมันในร่างกาย ภาษาอังกฤษ
ไขมันในร่างกายเป็นเรื่องที่สำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดี ภาษาอังกฤษเรียกไขมันว่า fat ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหน้าที่หลากหลายในร่างกาย [1]. ในบทความนี้เราจะพูดถึงความหมายของไขมันในร่างกาย และสาระสำคัญที่คุณควรรู้เกี่ยวกับไขมันในร่างกาย ภาษาอังกฤษ.
ความหมายของไขมัน (Fat)
ไขมันหมายถึงสารประกอบอินทรีย์ที่มีหน้าที่เก็บพลังงานในร่างกาย และมีหน้าที่สำคัญในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย [1]. ไขมันสามารถพบได้ทั้งในสัตว์และพืช โดยมีลักษณะเป็นของเหลวในอุณหภูมิปรกติเรียกว่า น้ำมัน และเป็นของแข็งเรียกว่า ไข [1].
หน้าที่ของไขมันในร่างกาย
ไขมันในร่างกายมีหน้าที่สำคัญในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนี้:
-
เก็บพลังงาน: ไขมันเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในร่างกาย 1กรัมของไขมันมีพลังงานประมาณ 9 กิโลแคลอรี่ [1].
-
สารประกอบสำคัญของเซลล์: ไขมันเป็นส่วนประกอบของเซลล์ในร่างกาย และมีบทบาทในการสร้างสารประกอบอื่น ๆ เช่น ฮอร์โมน [1].
-
ฉนวนความร้อน: ไขมันมีความสามารถในการฉนวนความร้อน ซึ่งช่วยลดการสูญเสียความร้อนของร่างกายในสภาวะอุณหภูมิต่ำ [1].
-
ปกป้องอวัยวะภายใน: ไขมันเป็นสารประกอบที่ปกป้องอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ, ไต และตับ จากการกระทำของกระดูกและกล้ามเนื้อ [1].
ผลกระทบของไข# ไขมันในร่างกาย ภาษาอังกฤษ
ไขมันในร่างกายเป็นเรื่องที่สำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดี ภาษาอังกฤษเรียกไขมันว่า fat ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สำคัญที่อยู่ในร่างกายของเรา [1]. ไขมันมีหลายประเภทและมีหน้าที่หลากหลายในร่างกาย เช่น การเก็บพลังงาน การสร้างฮอร์โมน และการปกป้องอวัยวะภายใน [1].
ประเภทของไขมันในร่างกาย
-
ไขมันส่วนเกิน (Excess fat): ไขมันส่วนเกินเกิดจากการรับประทานพลังงานเกินความต้องการของร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือด [1].
-
ไขมันส่วนตัว (Visceral fat): ไขมันส่วนตัวเป็นไขมันที่อยู่รอบอวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งเป็นไขมันที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน [1].
-
ไขมันส่วนนอก (Subcutaneous fat): ไขมันส่วนนอกเป็นไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งมีหน้าที่เก็บพลังงานและปกป้องร่างกายจากการกระแทกของสิ่งแปลกปลอม [1].
ผลกระทบของไขมันในร่างกาย
การมีไขมันในร่างกายเกินความจำเป็นอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคและปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น [1]:
- โรคอ้วน: ไขมันส่วนเกินอาจทำให้เกิดโรคอ้วนที่เป็นปัญหาสำคัญในสังคมในปัจจุบัน
- โรคเบาหวาน: ไขมันส่วนเกินอาจทำให้เกิดโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- โรคหลอด
Learn more:
โรคไขมัน ภาษาอังกฤษ
โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) เป็นโรคที่มีระดับไขมันในเลือดสูงกว่าค่าที่ถูกกำหนดขึ้น [1]. โรคนี้เกิดจากการสะสมของไขมันในเลือดที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองตีบ [1].
ในร่างกายของเรามีไขมันอยู่ 2 ชนิดหลัก คือคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) [1]. คอเลสเตอรอลแบ่งเป็น 2 ชนิด คือคอเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL) หรือไขมันชนิดไม่ดี และคอเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นสูง (HDL) หรือไขมันชนิดดี [1]. ไตรกลีเซอไรด์เป็นไขมันประเภทหนึ่งที่อาจสะสมที่ผนังหลอดเลือดได้เช่นกัน [1].
การวินิจฉัยโรคไขมันในเลือดสูงสามารถทำได้โดยการตรวจระดับไขมันในเลือด [1]. การตรวจนี้จะต้องงดอาหารทุกชนิดก่อนเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำ โดยควรงดอาหาร 8-10 ชั่วโมงก่อนการตรวจ [1].
ผู้ที่ควรเริ่มตรวจหาไขมันในเลือดสูงได้แก่ [1]:
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป หรือมากกว่า 35 ปีขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตแบบชุมชนเมือง
- ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร หรือก่อนอายุ 40 ปี
- มีหลักฐานหรือสงสัยว่าโรคหลอดเลือดตีบ ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะใดก็ตาม
- มีความเสี่ยงอื่นต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น สูบบุหรี่ โรคความดันเลือดสูง และโรคเบาหวาน
- ประวัติพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคหลอดเลือดตีบโดยญาติเพศชายเป็นกโรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) เป็นโรคที่มีระดับไขมันในเลือดสูงกว่าค่าที่ถูกกำหนดขึ้น [1]. โรคนี้เกิดจากการสะสมของไขมันในเลือด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองตีบ [1].
ในร่างกายของเรามีไขมันอยู่ 2 ชนิดหลัก คือคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) [1]. คอเลสเตอรอลแบ่งเป็น 2 ชนิด คือคอเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL) หรือไขมันชนิดไม่ดี และคอเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นสูง (HDL) หรือไขมันชนิดดี [1]. ไตรกลีเซอไรด์เป็นไขมันประเภทหนึ่งที่อาจมีการสะสมที่ผนังหลอดเลือดได้เช่นกัน [1].
การวินิจฉัยโรคไขมันในเลือดสูงสามารถทำได้โดยการตรวจระดับไขมันในเลือด [1]. การตรวจนี้จะต้องงดอาหารทุกชนิดก่อนการตรวจเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำ โดยควรงดอาหาร 8-10 ชั่วโมงก่อนการตรวจ [1].
ผู้ที่ควรเริ่มตรวจหาไขมันในเลือดสูงได้แก่ [1]:
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป หรือมากกว่า 35 ปีขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตแบบชุมชนเมือง
- ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร หรือก่อนอายุ 40 ปี
- มีหลักฐานหรือสงสัยว่าโรคหลอดเลือดตีบ ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะใดก็ตาม
- มีความเสี่ยงอื่นต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น สูบบุหรี่ โรคความดันเลือดสูง และโรคเบาหวาน
- ประวัติพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคหลอดเลือดตีบโดยญาติเพศชายเป็นก่อนอายุ 55 แล
Learn more:




See more here: kidsgarden.com.vn
สารบัญ
สารประกอบและคุณสมบัติของไขมัน
ประเภทของไขมันในภาษาอังกฤษ
ผลกระทบของไขมันต่อสุขภาพ
วิธีการควบคุมระดับไขมันในร่างกาย
ตัวอย่างประโยคที่ใช้คำว่า ไขมัน ในประโยคภาษาอังกฤษ